Tuesday, November 9, 2010

เบอรี่ชีสเค้ก : Berry Cheesecake


เมื่อวานคุณ aiwnoi ถามหาสูตรบลูเบอรี่ชีสเค้ก วันนี้เราเลยจัดให้ตามคำขอ แต่พอดีมีบลูเบอรี่และเรดเคอเรนท์แช่แข็งอยู่ เลยใส่ไปทั้งสองอย่างซะ ออกมาเปรี้ยวๆ หวานๆ มันๆ นุ่มๆ เบาๆ อร่อยดีค่ะ คุณ aiwnoi ชอบบลูเบอลี่ก็ใส่แค่บลูเบอลี่อย่างเดียวได้นะคะ มาดูสูตรเลยค่ะ

ส่วนผสมฐานเค้ก สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 18 ซม. 
  •  เนยสดนุ่มๆ 40 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 25 กรัม
  • แป้งสาลีเอนกประสงค์ 80 กรัม
  • เกลือ 1 หยิบมือ
  • วานิลา 1/4 ชช.

ส่วนผสมชีสเค้ก
  • ครีมชีสนุ่มๆ 300 กรัม
  • แป้งเค้ก 20 กรัม
  • วานิลา 1 ชช.
  • วิปปิ้งครีม 80 กรัม
  • น้ำตาลทราย 40 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 1 ฟอง (แยกขาว-แดง)
  • ไวท์ช็อคโกแล็ต 60 กรัม
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • บลูเบอรี่กับเรดเคอเรนท์ 60 กรัม
วิธีทำ

อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส ทาเนยให้ทั่วสปริงฟอร์มแล้วโรยแป้งนวลบางๆ ให้ทั่วพิมพ์ค่ะ 

จากนั้นทำฐานเค้กโดยนำส่วนผสมทั้งหมดใส่อ่างผสม ใช้มีดหรือช้อนส้อมสับให้เข้ากันจนแป้งมีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วเขียว นำแป้งมาคลึงเป็นแผ่นกลมขนาดเท่าฐานพิมพ์แล้วนำไปกรุพิมพ์ ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่ว แล้วนำไปใส่ตู้เย็นพักไว้ก่อนค่ะ

ทำฐานเค้กเสร็จแล้วเราก็มาทำตัวชีสเค้กกันค่ะ โดยนำไวท์ช็อคโกแล็ตไปละลายในไมโครเวฟ พักไว้ก่อน จากนั้นนำครีมชีส, แป้งเค้ก, ไข่แดง, น้ำตาลทราย 30 กรัม, วานิลา และวิปปิ้งครีมใส่อ่างผสม ตีด้วยความเร็วกลางพอเข้ากัน  เทช็อคโกแล็ตที่ละลายไว้ใส่ลงไปคนพอเข้ากันค่ะ 

นำไข่ขาวกับเกลือป่นใส่ชามอ่างอีกใบ ตีด้วยความเร็วต่ำจนเป็นฟองแล้วใส่น้ำตาลทราย 10 กรัมที่เหลือลงไปตีจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อน นำไปตะล่อมรวมกับส่วนผสมครีมชีส แบ่งใส่สัก 2 ครั้ง ตอนตะล่อมก็เบามือหน่อยนะคะ พอเข้ากันแล้วก็หยุดทันทีค่ะ เผลอคนนานๆ เดี๋ยวเค้กแฟ่บนะคะ

เท 1/2 ของส่วนผสมใส่ตรงกลางพิมพ์ เกลี่ยให้หน้าเรียบเสมอกันแล้วโรยหน้าด้วย 1/2 ของเบอรี่ที่เตรียมไว้ ตามด้วยส่วนผสมอีกครึ่งที่เหลือและเบอรี่ส่วนที่เหลือค่ะ  นำชีสเค้กเข้าวางชั้นที่ 2 จากล่างของเตาอบ ลดไฟเหลือ 160 องศาเซลเซียส  อบไฟบน-ล่างจนหน้าเค้กเซ็ตตัวดี ใช้เวลาอบประมาณ 50 นาทีค่ะ  เมื่อเค้กสุกทิ้งให้เย็นตัวในเตาอบอีกประมาณ 30 นาที โดยแง้มฝาเตาอบไว้เล็กน้อยค่ะ จากนั้นนำออกจากเตาแซะออกจากขอบพิมพ์ เอาขอบพิมพ์ออกแล้วพักไว้บนตะแกรงจนเย็นอุณหภูมิห้องค่อยนำเค้กวางบนจาน นำไปแช่เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟนะคะ


ตอนอบเราลืมลดไฟ อบ 180 ซีไปเลย เค้กออกมาบูดๆ เบี้ยวๆ ไม่ค่อยสวยเลยค่ะ ถ้าอบ 160 ซีรับรองออกมาสวยกว่านี้แน่นอน  ได้เวลาหม่ำๆ ก็ราดซอสเบอรี่เปรี้ยวๆ หวานๆ เข้าไป อร่อยชื่นใจดีค่ะ ใครชอบชีสเค้กเปรี้ยวหวานมันอร่อยลองทำดูนะคะ


Monday, October 11, 2010

คุ๊๊กกี้แฟนซี : fancy cookies


ส่วนผสม สำหรับคุ๊กกี้ประมาณ 40 ชิ้น

  • แป้งเอนกประสงค์ 250 กรัม 
  • ผงฟู 1/4 ชช.
  • เบกกิ้งโซดา 1/3 ชช.
  • เนยสด 150 กรัม 
  • น้ำตาลทรายป่น 90 กรัม 
  • กลิ่นวานิลลาบัทเทอร์ 1 ชช. 
  • เกลือป่น 1/4 ชช. 
  • ไข่ไก่ขนาดเล็ก 1 ฟอง
  • ผงโกโก้ / ผงชาเขียว 4 กรัม
  • กลิ่นส้มชนิดผง 1/2 ชช. (ถ้าใช้ชาเขียวไม่ต้องใส่ค่ะ)
วิธีทำ 

ร่อนแป้ง เบคกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือรวมกัน 2 ครั้ง ผงโกโก้กับกลิ่นส้มชนิดผงผสมกันไว้ค่ะ   

ใส่เนยในอ่างผสม ตีให้เนยเนื้อเนียนดีแล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกันจนน้ำตาลหมด แล้วจึงใส่ไข่ลงไปตีให้เข้ากันดีกับเนยค่ะ  จากนั้นใส่ส่วนผสมแป้งลงไปตีด้วยความเร็วต่ำสุดแค่พอเข้ากัน ดูว่าแป้งมีลักษณะ เหมือนเมล็ดถั่วก็ใช้ได้ค่ะ 

แบ่งแป้งออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน ส่วนหนึ่งทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า อีกส่วนหนึ่งผสมกับผงโกโก้และกลิ่นส้ม (หรือผงชาเขียว) นวดให้เข้ากันแล้วทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้าเช่นกันค่ะ  ปูกระดาษไขหรือพลาสติกใสสองแผ่นบนโต๊ะ นำแป้งสีขาวมาคลึงบนกระดาษไขเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาประมาณ 1/2 ซม. ห่อพลาสติกใสแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซประมาณ 10 นาทีค่ะ ส่วนแป้งสีโกโก้หรือสีเขียวก็คลึงให้มีขนาดเท่าๆ กับสีขาว ห่อพลาสติกใสแล้วแช่ช่องฟรีซอีก 10 นาทีเช่นกันค่ะ 

เมื่อครบเวลาแล้วนำแป้งสีขาวออกมาจากช่องฟรีซ หากจะทำลายวนก็ลูบด้านบนของแผ่นแป้งด้วยน้ำเย็นบางๆ ให้ทั่ว จากนั้นก็นำแป้งสีโกโก้ออกมาวางซ้อนบนแผ่นแป้งสีขาว กดเบาๆ แค่พอแป้งติดกัน จัดการม้วนแป้งเข้าด้วยกันแล้วห่อด้วยพลาสติก นำเข้าช่องฟรีซอีก 20 นาที เพื่อให้แป้งแข็งตัว เวลาตัดผิวจะได้เรียบสวยและตัดง่ายไม่ติดมีดด้วยค่ะ

 

หากจะทำลายหมากรุกก็ให้ตัดแป้งตามยาวเป็นเส้นกว้างประมาณ 1/2 ซม. ทั้งสองสี  แล้วนำมาวางสลับสีและวางซ้อนกันไปเรื่อยๆ ดังภาพค่ะ (ยิ่งมากแถวก็ยิ่งมากตาราง)



    หากมีเศษแป้งเหลือก็นำมาคลึงบางๆ ให้มีขนาดใหญ่พอที่จะคลุมแท่งคุ๊กกี้ได้ ก็คลึงแล้วก็คลุมหุ้มเก็บริมให้ทั่ว แล้วห่อพลาสติกแช่ช่องฟรีซ 20 นาทีค่ะ    

    เมื่อแป้งแข็งตัวดีแล้ว อุ่นเตาอบไว้ที่ 180C ถาดที่จะใช้อบปูกระดาษไขไว้ให้เรียบร้อย นำแป้งออกจากช่องฟรีซ แล้วใช้มีดคมบาง ตัดเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/2 ซม. วางบนกระดาษไข โดยเว้นระยะห่างในแต่ละชิ้นประมาณ 1 นิ้ว นำถาดวางบนชั้นกลางของเตาอบ ใช้เวลาอบประมาณ 10 นาทีค่ะ 

      เมื่อคุ๊กกี้สุกสีสวยดีแล้วก็นำออกจากเตาอบ แซะออกจากถาดแล้ววางบนตะแกรงให้คุ๊กกี้เย็นสนิทค่อยทานกับน้ำชา กาแฟ โกโก้ร้อน หรือแค่นมสดสักแก้วก็อร่อยแล้วค่ะ  เพื่อนๆ ลองทำดูนะคะ


      Thursday, September 16, 2010

      ขนมปังชีส : Cheese Bread


      โหลๆ เพื่อนๆ กลับมาแล้วค่า หลังจากไปตระเวนเที่ยวทางใต้ของเยอรมนี รวมทั้งเลยไปเที่ยวออสเตรียด้วย กลับมาก็เหนื่อย หมดสภาพ ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดเพราะไปขึ้นๆ ลงๆ เขามาตั้งหลายลูก แต่ก็สนุกและประทับใจมากๆ ค่ะ ไว้ขยันเมื่อไหร่จะย่อรูปมาแปะบล็อกพาเพื่อนๆ เที่ยวนะคะ 

      หลังจากหายไปหลายวัน พอกลับมาลงมือทำขนมปังชีสของโปรดของคนในครอบครัว (จริงๆ ก็มีกันอยู่แค่สองคนล่ะค่ะ พูดเหมือนมีหลายคนเลยเนอะ แหะๆ)  ขนมปังชีสนี้เมื่อก่อนเราเคยซื้อที่ร้านกินแล้วชอบมาก ก็เลยพยายามทำเลียนแบบ มั่วสูตรเหมือนเดิม ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยเปื่อย ทำกี่ครั้งผลก็ออกมาต่างกันทุกครั้ง อร่อยทุกครั้งแต่ไม่เหมือนกับที่ร้านสักครั้ง งงมั้ยคะ  จนเมื่อวานนี้ปรับสูตรใหม่อีกรอบ คราวนี้รสชาติออกมาใกล้เคียงกับที่ร้านมาก แต่คนที่บ้านบอกว่าอร่อยกว่า เราก็นะ ... อย่ากระนั้นเลย นำมาแปะบล็อกเผื่อเพื่อนๆ ดีกว่า มาดูสูตรกันเลยค่ะ สูตรนี้สำหรับ 3 คนกำลังดีนะคะ

      ส่วนผสม  สำหรับขนมปัง 6 ชิ้น
      • แป้งขนมปัง 250 กรัม
      • ยีสต์สด 15 กรัม (ยีสต์แห้ง 5 กรัม)
      • นมสดอุ่น 170 กรัม
      • น้ำตาลทราย 15 กรัม
      • เกลือป่น 3 กรัม (2/3 ชช.)
      • เนยสด (ก) 10 กรัม
      • ชีสขูด (ก) (Emmenthal) 50 กรัม
      • เนยสด (ข) 10 กรัม
      • ชีสขูด (ข) (Emmenthal) 30 กรัม  สำหรับโรยหน้า
      วิธีทำ


      ใส่ยีสต์กับน้ำตาลทรายในนมสด คนจนยีสต์ละลายหมดก็เทใส่อ่างผสม ใส่แป้ง เกลือ และเนยสด (ก) ลงไป นวดส่วนผสมรวมกันจนแป้งเนียนมือและหลุดจากขอบอ่างได้อย่างง่ายดาย ใส่ชีสขูด (ก) ลงไปนวดให้เข้ากัน  แล้วรวบแป้งเป็นก้อนกลม พักไว้ในที่อุ่น 60 นาที หรือจนกว่าแป้งจะขึ้นสองเท่า 

      จากนั้นนำแป้งมาคลึงไล่ลมประมาณ 2 นาทีแล้วตัดแบ่งเป็น 6 ก้อนเท่าๆ กัน คลึงกลมแล้วใช้ผ้าคลุมพักไว้ให้แป้งยืดหยุ่นดีอีกประมาณ 20 นาทีค่ะ  เมื่อครบ 20 นาทีแล้วนำแป้งมาแผ่เป็นแผ่นกลมๆ แบ่งเนยสด (ข) มานิดหน่อย วางบนริมแป้งด้านบน ตลบริมแป้งทับเนย แล้ววางเนยบนแป้งอีกรอบ รวบแป้งทับเนย แล้วคลึงเป็นรูปรักบี้ (อธิบายไม่เก่ง ดูรูปเอาแล้วกันนะคะ) จากนั้นก็วางบนถาดที่ปูกระดาษไขไว้ กดแป้งให้แบนเล็กน้อย เอาผ้าหรือพลาสติกคลุมกันลมไว้ด้วยค่ะ พักแป้งในที่อุ่นให้ขึ้นอีกประมาณ 30 นาทีหรือจนแป้งขึ้นประมาณเท่าครึ่งค่ะ


      อุ่นเตาอบ 200 องศาเซลเซียส หาภาชนะทนความร้อนใส่น้ำร้อนประมาณ 300 มล. วางบนพื้นเตาอบด้วยค่ะ ระหว่างที่รอเตาอบร้อนก็ใช้แปรงขนนุ่มๆ ชุบนมสดทาผิวขนมให้ทั่ว (แต่วันนี้เราทาไข่ค่ะ พอดีมีไข่เหลือจากทำครัวซอง  สรุปว่าจะทาอะไรก็ได้เหมือนกันค่ะ)  แล้วโรยหน้าด้วยชีสขูด (ข)  เมื่อเตาอบร้อนก็นำเข้าอบ โดยวางตรงชั้นกลางของเตา ใช้เวลาอบประมาณ 20 นาทีจนขนมปังสุกสีสวยค่ะ (ถ้าอบลมร้อนก็ลดไฟเหลือ 180 องศาเซลเซียสนะคะ)


      เมื่อขนมปังสุกก็นำออกจากเตาอบ นำออกจากถาดอบ วางไว้บนตะแกรงจนขนมปังเริ่มอุ่นก็สำเร็จโทษได้เลยค่ะ ขนมปังนี้เปลือกจะนุ่มแต่กรอบ เอ๊ะ! ยังไง  ข้างในจะนุ่มมมมม กัดทีจะนุ่มหยุ่นยวบยาบ อารมณ์คล้ายกับกินครัวซองตอนอุ่นๆ นิดๆ ยิ่งเจอชีสกรอบๆ บนหน้าขนมปังเข้าไปอีก อร่อยมากๆ ไม่เชื่อต้องลองค่ะ 


      กัดให้ดูด้านในค่ะ ขนมปังนี้กินตอนที่ยังอุ่นอยู่อร่อยที่สุด หากใครกินไม่หมด วันรุ่งขึ้นก็นำไปอุ่นบนเครื่องปิ้งขนมปังได้ค่ะ รสชาติอาจจะไม่อร่อยเท่าตอนอบสดๆ ร้อนๆ แต่ก็ใกล้เคียงมาก ลองดูนะคะ


      Monday, September 6, 2010

      สลัดอกไก่ : Roasted chicken breast salad


      ติดสูตรสลัดอกไก่มาหลายอาทิตย์แล้ว วันนี้ทำอีกรอบเลยแวะมาแปะสูตรให้ค่ะ ขออนุญาตนำรูปเก่ามาลงนะคะเพราะตอนทำเนี่ยคนที่บ้านหิวมาก รีบทำรีบกิน ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ -_-'

      ส่วนผสมน้ำสลัด  สำหรับ 2 ที่
      • ซาวครีมหรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3 ชต. (ซาวครีมอร่อยกว่าแต่โยเกิร์ตไขมันน้อยกว่า ชอบแบบไหนเลือกเอาค่ะ อิอิ)
      • มายองเนส 1 ชต.
      • น้ำสะอาด 2 ชต.
      • น้ำส้มสายชูจากไวน์ 1/2 ชต.
      • น้ำมันมะกอก 2 ชช.
      • มัสตาร์ด 1 ชช.
      • ซีอิ๊วขาว 1/4 ชช.
      • น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
      • เกลือป่น 1/4 ชช.
      • พริกไทยดำบด 1/2 ชช. 
      • กระเทียมปอกเปลือกสับละเอียด 1/3 ชช.
      • พาร์สลีย์ซอยละเอียด 1 ชช.
      • ต้นหอมเล็กซอยละเอียด 1 ชช.
      วิธีทำ  ผสมทุกอย่างในถ้วย คนให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ เรียบร้อยค่ะ ง่ายเนอะ

      ส่วนผสมอื่นๆ 
      • อกไก่ 150 กรัม หั่นเส้นหนาประมาณ 1 ซม. ใส่เกลือ ซีอิ๊วขาว พริกไทย ผงปาปริก้า น้ำตาล นมสด อย่างละนิดอย่างละหน่อย หมักไว้ประมาณ 20 นาทีค่ะ
      • น้ำมันพืชประมาณ  1 ชต. สำหรับทอด
      • ผักสลัด ล้าง สะเด็ดน้ำ เด็ดใบ
      • แตงกวา ล้าง หั่นวงบางๆ
      • แรดิช ล้าง หั่นบางๆ
      • แครอท ล้าง หั่นเป็นเส้นบางๆ 
      • มะเขือเทศ ล้าง ผ่าเสี้ยว
      • ไข่ต้ม
      วิธีทำ

      เมื่อปรุงน้ำสลัด และเตรียมผักเรียบร้อยแล้วก็จัดการนำกระทะเทฟล่อนตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนใส่ไก่ลงไปทอดไฟกลางจนสีสวยทั่วกันก็ปิดไฟค่ะ

      จัดผักสลัดลงจาน ตามด้วยแครอท แรดิช แตงกวา และมะเขือเทศ ราดน้ำสลัดลงไปบนผัก แล้ววางไก่ด้านบน จัดไข่ต้มไว้ข้างจาน ทานคู่กับขนมปังฝรั่งเศส แค่นี้ก็อร่อยมากๆ แล้วค่ะ ลองทำดูนะคะ


      ปล. เราจะไม่อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์นะคะ ไปเที่ยวค่ะ ฝากบ้านด้วยนะคะ จุ๊บๆ

        Tuesday, August 31, 2010

        ตำนานการทำ French Macarons ของเรา ยกกันมาเป็นกองทัพเลย...ชะเอิงเอย


        เมื่อวานเพื่อนสาวเพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่เบอร์ลิน เธอเล่าให้ฟังว่าอยู่ที่โน่นเธอได้ซื้อมาคารอง 6 ชิ้น 6 รสเพื่อลองชิมดูว่ารสชาติมันเป็นไง อร่อยสมกับราคาที่แพงประหนึ่งทองคำมั้ย เสร็จแล้วก็จัดการเก็บรูปแล้วส่งมาให้เราดูด้วย เห็นแล้วก็ โหยยยย... ขายได้ไงเนี่ย สวยก็ไม่สวย ขายก็แพ๊งแพง ของเราน่ากินกว่าเยอะแยะ ฮ่าๆ หลงตัวเองตามเคย   แต่ของเค้าไม่น่ากินจริงๆ นะ ไม่เชื่อดูรูปล่างนี้สิคะ มีหลักฐานมาโชว์ด้วย




        จากนั้นก็เลยลองเข้าไปค้นรูปเก่าๆ ที่ตัวเองเคยทำดูว่าเราได้ทำมาคารองรสอะไรไปบ้างแล้วเนี่ย ผลปรากฏว่าน่าตกใจมาก รูปที่ถ่ายไว้มีไม่รู้กี่ร้อยรูป เยอะมากๆ วันนี้เลยครึ้มๆ จัดการรวมรูปที่เคยทำมาให้เพื่อนๆ ดูว่ามันเยอะจริงๆ แบบนี้ไม่บ้าทำไม่ได้นะเนี่ย 55  มาดูการเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง



        รูปนี้เป็นครั้งแรกของการทำมาคารองเลย (ฉกรูปมาจากเวปเก่าของตัวเอง ภาพต้นฉบับหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้) ได้สูตรจากเน็ตเวปไหนก็จำไม่ได้แล้ว จำได้แค่มันหวานแสบคอมากๆ ยี้กับรสชาติมากเลยตอนนั้น แต่ก็ปลื้มที่ทำครั้งแรกก็สำเร็จเลย ไม่ยักกะยากอย่างที่เค้าว่ากันเลยแฮะ ทำครั้งนั้นครั้งเดียวก็เลิกทำไปปีกว่าๆ เลยค่ะเพราะไม่ชอบกินเอามากๆ


        หนึ่งปีหลังจากนั้นก็เห็นคนก้นครัวแห่ทำมาคารองช็อคโกแล็ตสูตรคุณบีบี๋กัน พอดีเรามีไข่ขาวอยู่เยอะเลยจับมาทำมาคารองซะ แต่งานนี้ไม่หมูเหมือนครั้งแรกแล้วค่ะ อบทีไรถ้าหน้าไม่ย่นก็ต้องแตกกระจุยกระจาย งงกับมันมากๆ รับไม่ได้เลยจริงๆ ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับมาคารองเป็นการใหญ่ ทั้งถามอากู๋ ถามน้องแก้ม โน่นนี่นั้น แต่ก็ยังเจ๊งอยู่ จนวันดีคืนดีก็ได้มาคารองช็อคโกแล็ตน่ารักๆ มาชื่นชมจนได้ค่ะ อร่อยมากๆ รสนี้ ชอบๆ


        หลังจากทำรสช็อคฯ ได้ก็มาปรับสูตรนิดหน่อยเป็นรสชาไทย งานนี้ไม่มีเจ๊งเลยค่ะ ดีใจๆ


        ต่อมาก็ทำรสงาขาวซึ่งเป็นสูตรที่ดัดแปลงจากสูตรงาดำของน้องแก้มคนงามนั่นเองค่ะ รสนี้คนทำขอผ่านค่ะ หอมน่ะหอมจริง แต่รสชาติเนี่ย...เอ่อ...ไม่รู้สิ แต่ไม่ชอบเลย 


        จากนั้นเราก็ลองใช้เฮเซลนัททำดูบ้าง ชอบมากๆ เลยแหละ มันหอมอร่อยกว่าอัลมอนด์แยะ


        งานนี้ทำรสป๊อบปี้ซี้ดบ้าง อร่อยนะเราว่า แต่เราดันแพ้ป๊อบปี้ซี๊ด กินแล้วคันตาคันปากยิกๆ ตอนหลังเลยไม่กล้ากินอีก ฮือๆ


        และแล้วก็มาถึงคิวแอพริคอท หน้าตาไม่ค่อยดี แต่ปลื้มรสนี้มากๆ อร่อยจริง อร่อยจัง


        คราวนี้ลองพิสตาชิโอบ้าง ทำง่ายดี หน้าตาเข้าท่าด้วย แต่เราว่าไม่อร่อยหง่ะ เราไม่ชอบเลย


        มาถึงรสมะนาวบ้าง ไม่ค่อยสวยแต่อร่อยม๊ากก เปรี้ยวๆ หวานๆ ชอบๆๆๆ


        รสบลูเบอรี่มั่งค่ะ สีแปลกๆ ไปนิดนึง แต่อร่อยจัดๆ ค่ะ ชอบไส้มันมากๆ


        นี่เป็นมาคารองถั่วลิสงค่ะ ได้รางวัลนางงามผิวเนียนไปเลย แต่รสชาติ ทำครั้งเดียวผ่านค่ะ ไม่อร่อย 55

        รสกีวีบ้าง นี่เป็นเปลือกมาคารองที่สวยที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย ชอบมากๆ อยากให้มันออกมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยน่ะ


        รสเนคทารีนค่ะ คล้ายๆ แอพริคอทแหละ แต่แอพริคอทอร่อยกว่านิ๊ดดนึง

        มาถึงมาคารองวานิลลาบ้าง อีกหนึ่งรสโปรดของเราเลยค่ะ หอม อร่อยมากมายก่ายกอง


        ก่อนหน้านั้นทำรสงาขาวไปแล้วไม่ชอบเลย งานนี้ลองใช้งาดำบ้าง ผลก็คือชอบมากๆ ทั้งหอมทั้งมัน อร่อยจริงๆค่ะ


        อันนี้เป็นรสชาเขียวค่ะ ปลื้มอีกเหมือนกัน ปกติไม่ชอบอะไรที่เป็นชาเขียวเลย แต่กับมาคารองนี่ยกเว้นค่ะ อร่อยมากๆ




        รสกล้วยหอมจอมซน สีจัดจ้านจริงๆ แต่อร่อยสุดๆ เป็นอีกหนึ่งรสที่ปลื้มมากๆ อีกล่ะ


        รสสตรอว์เบอรี่สดๆ จากสวนค่ะ เปรี้ยวๆ หวานๆ สดชื่น อร่อย ชอบมากๆ


        นี่ก็สตรอว์เบอรี่ ช่วงนั้นสตรอว์เบอรี่ออกเยอะไงคะเลยทำบ่อย พอดีชอบด้วย


        นี่ก็สตรอว์เบอรี่อีกแล้ว แต่รสนี้ชอบที่สุด เป็นไส้ครีมพิสตาชิโอ+เจลลี่สตรอว์เบอรี่+สตรอว์เบอรี่สด อร่อยจนบรรยายไม่ถูก 55


        นี่รสมะพร้าวค่ะ กินเปลือกอย่างเดียวอร่อยดี แต่ใส่ไส้แล้วก็แค่พอแหล่กล่าย 55


        มาถึงรสเรดเคอเรนท์บ้าง ไส้มันอร่อยมากเหมือนกัน ชอบพอๆ กับสตรอว์เบอรี่เลยค่ะ


        อันนี้แอบเบื่อกับหน้าตาเรียบๆ เลยจับมันมาเขียนคิ้วทาปากนิดนึง ทำให้สวยหรือรกก็ไม่รู้เนอะ


        ส่วนนี่รสคาราเมลส้ม สวยแต่รูป ไม่อร่อยเลย เหอๆ


        นี่ใช้เรดเคอเรนท์สด เปลือกหวานมัน ไส้เปรี้ยวจี๊ดสะใจ อร่อยอีกล่ะ  จบแล้วค่ะตำนานการทำมาคารองของเรา ใครยังไม่เคยทำก็ลองทำดูนะคะ ตอนอบลุ้นระทึก สนุกดีค่ะ



        Friday, August 20, 2010

        คัพเค้กเนคทารีน : Nectarine Cupcake


        สูตรคัพเค้กเนคทารีนนี้เราลงไว้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนานแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้แปลเป็นภาษาไทยซะที ช่วงนี้กำลังทำครัวอยู่ คงไม่ได้ใช้ครัวอย่างน้อยก็ 2 อาทิตย์แน่ะ เมื่อไม่ได้ทำอาหารและขนมก็เลยไม่มีอะไรมาอัพบล็อก ตอนนี้ระหว่างรอให้ปูนที่ฉาบผนังครัวแห้งก็ฉวยโอกาสนำสูตรคัพเค้กนี้มาอัพบล็อกภาษาไทยไปพลางๆ ค่ะ

        คัพเค้กสูตรนี้เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวเรามากค่ะ ติดใจที่เนื้อเค้กนุ่ม ชุ่มเนย บวกกับเนคทารีนเปรี้ยวๆ หวานๆ เข้าไปอีก กินคู่กับน้ำชากาแฟยามบ่ายดีนักแล ขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากมากความอะไรด้วยค่ะ ตามมาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยนะคะ

        ส่วนผสม
        • ผลเนคทารีนสด 180 กรัม (ปอกเปลือกหรือไม่ปอกก็ได้ค่ะ ผ่ากลาง แกะเมล็ดออกแล้วหั่นเต๋าค่ะ)
        • แป้งเค้ก 170 กรัม
        • ผงฟู 1 1/4 ชช.
        • เกลือป่น 1/4 ชช.
        • เนยสด 110 กรัม
        • น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 115 กรัม
        • ไข่ไก่ขนาดกลาง 2 ฟอง
        • วานิลาเอ็กซ์แทร็ค 1/2 ชช.
        • ผิวมะนาวขูดจากมะนาว 1 ลูก
        • โยเกิร์ตธรรมชาติ 60 กรัม

        วิธีทำ


        ผสมแป้งเค้กและผงฟูเข้าด้วยกัน ร่อนผ่านตะแกรง 2 ครั้ง แล้วอุ่นเตาอบไว้ที่ 190 องศาเซลเซียสค่ะ

        ผสมน้ำตาลและเกลือรวมกัน ตีเนยด้วยความเร็วต่ำพอเนียน ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกับเนยทีละน้อยจนน้ำตาลหมด ตีต่อไปเรื่อยๆ จนเนยกลายเป็นครีมฟูเบามีสีขาวนวลค่ะ จากนั้นก็ใส่ไข่ลงไปตีรวมกับเนยทีละฟอง โดยก่อนจะใส่ไข่ฟองที่สองต้องแน่ใจแล้วว่าไข่ฟองแรกกับเนยเข้ากันดีแล้วนะคะ เมื่อใส่ไข่ลงไปตีทั้งสองฟองแล้วก็ใส่วานิลาและผิวมะนาวลงไปตีพอเข้ากันค่ะ

        แบ่งส่วนผสมแป้งสลับกับโยเกิร์ตลงไปตีรวมกับส่วนผสมเนยด้วยความเร็วต่ำ เราแบ่งใส่แป้ง 3 ครั้ง โยเกิร์ต 2 ครั้ง ตีแค่พอเข้ากันนะคะ อย่าตีนานเดี๋ยวเนื้อเค้กจะแน่นไม่นุ่มฟูค่ะ สุดท้ายใส่เนคทารีนลงไปตะล่อมรวมกับส่วนผสม 2-3 ครั้งพอค่ะ


        ตักส่วนผสมใส่พิมพ์มัฟฟินประมาณ 3/4 ของพิมพ์  นำเข้าอบไฟบน-ล่างประมาณ 20-22 นาที หรือจนเค้กสุกหน้าเค้กเป็นสีเหลืองทองสวย ทดสอบว่าเค้กสุกทั่วถึงดีหรือไม่โดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มไปตรงกลางเค้ก หากไม่มีเศษแป้งติดไม้มาแสดงว่าสุกแล้วค่ะ 

                นำเค้กออกจากเตาอบ เอาออกจากพิมพ์ วางไว้บนตะแกรงแล้วแต่งหน้าด้วยไวน์และดาร์คช็อคโกแล็ต หรือตกแต่งหรือไม่แต่งยังไงก็ได้ตามชอบค่ะ